ประเภทของผญา
รูปแบบของคำผญานั้น หากจะพิจารณาแบ่งโดยกว้างๆเพื่อความเข้าใจ โดยทั่วไปอาจจะสามารถแบ่งออกได้ 2 ลักษณะกล่าวคือ1. แบ่งตามรูปแบบการแต่ง หรือรูปฉันทลักษณ์
2. แบ่งตามเนื้อหา หรือจุดมุ่งหมายของการใช้
1. แบ่งตามรูปแบบการแต่ง หรือรูปฉันทลักษณ์
การแบ่งผญาตามรูปแบบการแต่งนี้ ยังสามารถแบ่งออกไปอีก โดยอาศัยเกณฑ์ของสัมผัสในการพิจารณา ดังนี้)
1.1 ประเภทไม่มีสัมผัส โดยจะถือตามจังหวะวรรคและเสียงสูงต่ำตามจังหวะการพูดการเน้นของผู้พูดให้ได้เนื้อความเป็นเกณฑ์ เช่น
ใผผู้ทำดีไว้ความดีกะดึงจ่อง ใผผู้สร้างบาปไว้กรรมสิใซ้เมื่อลุน
อย่าได้หวังสุขญ่อนบุญเขามาเพิ่ง สุขกะสุขเพิ่นพุ้นบ่มากุ้มฮอดเฮา เป็นต้น
1.2 ประเภทที่มีสัมผัส ลักษณะจะมีสัมผัสเหมือนร่าย กลอน โดยจะมีทั้งสัมผัสนอกและสัมผัสใน ทำให้เกิดความคล้องจองฟังไพเราะ เช่น
ใผห่อนคองคอยท่าคนตายว่าซิต่าว คือดังดาวอยู่ฟ้าคอยได้กะบ่มา
เป็นนายให้ฮักไพร่ เป็นใหญ่ให้ฮักหมู่ เป็นปู่ให้ฮักหลาน เป็นกวานบ้านให้ฮักลูกบ้าน เป็นต้ น
1.3 ประเภทผสม มีลักษณะผสมผสานกันโดยบางวรรคอาจจะมีสัมผัส บางวรรคอาจไม่มีสัมผัส ตามความพอใจของกวีชาวบ้าน เช่น
อันว่าโลกีย์นี้บ่มีแนวตั้งเที่ยง มีแต่ตายแตกม้างทลายล้มเกลื่อนหาย
อันว่าความตายม้างไกลกันเจียรจาก คันบ่ม้มโอฆะกว้างเทียวพ้ออยู่เลิง เป็นต้น
2. แบ่งตามเนื้อหา หรือจุดมุ่งหมายของการใช้ การแบ่งผญาตามเนื้อหานี้ จะสามารถแบ่งกว้างๆตามที่พบโดยทั่วไปได้ ได้ 2 ลักษณะคือ
2.1 เนื้อหาที่เกี่ยวกับภาษิต คำสั่งสอน คติเตือนใจ
2.2 เนื้อที่เกี่ยวกับการเกี้ยวพาราสี
2.1 เนื้อหาที่เกี่ยวกับภาษิต คำสั่งสอน คติเตือนใจ
ประสบการณ์ที่คนอีสานได้รับจากการสั่งสมทั้งในรุ่นตนเองและจากบรรพบุรุษ รวมทั้งจากความเชื่อในศาสนาและอำนาจเหนือธรรมชาติอื่นๆ ได้กลั่นกรองออกมาเป็นคำผญาเพื่อแนะนำ สั่งสอน อบรม กระตุ้นเตือนใจให้คนที่ขาดประสบการณ์ สิ้นหวังในชีวิตได้เกิดโยนิโสมนสิการ เพื่อน้อมรับมาอบรมตัวเอง เพื่อให้รู้จักการวางตัวในสังคม ให้สอดคล้อง เหมาะสมกับความคาดหวังของสังคม ตามบรรทัดฐานและจารีตปฏิบัติที่กระทำสืบต่อกันมา ครอบคลุมทุกเพศทุกวัยเพื่อควบคุมและขัดเกลาให้คนตระหนักในบทบาท หน้าที่ สิ่งที่ควรและไม่ควรในการปฏิบัติทั้งในระดับปัจเจกและต่อสังคม ทั้งนี้อาจจะมาในรูปแบบของคำสอน ให้กำลังใจ คำแนะนำ คำประชดประชัน เปรียบเปรย หรือคำเปรียบเทียบให้ยึดถือปฏิบัติตาม เช่น ความเป็นคนที่สมบูรณ์ ที่ดีเป็นอย่างไร ผู้หญิงหรือผู้ชายที่ดีควรมีคุณสมบัติเป็นอย่างไร ซึ่งตัวอย่างที่ยกมาอ้างในครั้งนี้สามารถที่จะนำเสนอตัวของผญาเอง จากคุณค่าที่ปรากฏอยู่โดยไม่จำเป็นต้องอธิบายเพิ่มเติม เช่น
- ทุกข์ยากฮ้ายขอขอดแลงงาย อย่าได้ลืมความดีเที่ยงจิงจำหมั้น
- ถึงจะยากจนข่นแค้นสักเพียงใดก็ตาม จงอย่าได้ออกนอกลู่นอกทาง ให้รักษาความดีเอาไว้ (เตือนใจ)
2.2 เนื้อหาที่เกี่ยวกับการเกี้ยวพาราสี
ผญาเกี้ยวเป็นผญาที่แพร่หลายอยู่ทั่วไป ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเนื่องจากได้รับความนิยมในหมู่คนหนุ่มสาว และเป็นความจำเป็นอย่างหนึ่งที่หนุ่มสาวอีสานในอดีตต้องเรียนรู้ จดจำจากผู้รู้หรือจากการฟังการอ่านจากวรรณคดีต่างๆและฝึกฝนการใช้ความสามารถในภาษา ปรับเปลี่ยน ประยุกต์เพื่อผูกเป็นประโยคผญา ทั้งนี้ถือเป็นการแสดงความสามารถและปฏิญาณไหวพริบของแต่ละบุคคลด้วย
ความสนุกสนานจากการพูดผญาเกี้ยวนั้นทำให้บรรยากาศในการสนทนาดำเนินไปด้วยดี เป็นดังการละเล่นอย่างหนึ่งระหว่างที่กำลังประกอบกิจอื่นอยู่ เช่น ขณะทำงานบ้านการเรือน หนุ่มที่ต้องการเกี้ยวสาวที่ตนหมายปอง เพื่อเป็นการแก้เขินและถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่งจะพูดผญานำทางไปก่อน โดยรูปแบบของผญาเกี้ยวอาจจะเริ่มตั้งแต่การกล่าวทักทายแนะนำตัว เมื่อพอคุ้นเคยกันบ้างแล้ว จากนั้นอาจจะต่อไปยังการเปิดเผยความรู้สึกเป็นนัยด้วยคำพูดธรรมดาหรือใช้ผญาต่อไปตามปฏิภาณไหวพริบของแต่ละฝ่ายมีอยู่ จนถึงเวลากลับอาจจะมีผญาอำลากันอีกครั้ง
สำหรับตัวอย่างของผญาเกี้ยวที่นำยกตัวอย่างเป็นผญาที่อยู่ในวรรณคดีท้าวคำสอน) เช่น
- เจ้าผู่จุบุหน้าพระจันทร์ เพ็งสุทธะแจ่มน้องเอย
ใผนอสิได้เข่า(เข้า)อยู่ซ้อน เทียมข้างเมื่อสินอน
2.2 เนื้อหาที่เกี่ยวกับการเกี้ยวพาราสี
ผญาเกี้ยวเป็นผญาที่แพร่หลายอยู่ทั่วไป ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเนื่องจากได้รับความนิยมในหมู่คนหนุ่มสาว และเป็นความจำเป็นอย่างหนึ่งที่หนุ่มสาวอีสานในอดีตต้องเรียนรู้ จดจำจากผู้รู้หรือจากการฟังการอ่านจากวรรณคดีต่างๆและฝึกฝนการใช้ความสามารถในภาษา ปรับเปลี่ยน ประยุกต์เพื่อผูกเป็นประโยคผญา ทั้งนี้ถือเป็นการแสดงความสามารถและปฏิญาณไหวพริบของแต่ละบุคคลด้วย
ความสนุกสนานจากการพูดผญาเกี้ยวนั้นทำให้บรรยากาศในการสนทนาดำเนินไปด้วยดี เป็นดังการละเล่นอย่างหนึ่งระหว่างที่กำลังประกอบกิจอื่นอยู่ เช่น ขณะทำงานบ้านการเรือน หนุ่มที่ต้องการเกี้ยวสาวที่ตนหมายปอง เพื่อเป็นการแก้เขินและถือเป็นศิลปะอย่างหนึ่งจะพูดผญานำทางไปก่อน โดยรูปแบบของผญาเกี้ยวอาจจะเริ่มตั้งแต่การกล่าวทักทายแนะนำตัว เมื่อพอคุ้นเคยกันบ้างแล้ว จากนั้นอาจจะต่อไปยังการเปิดเผยความรู้สึกเป็นนัยด้วยคำพูดธรรมดาหรือใช้ผญาต่อไปตามปฏิภาณไหวพริบของแต่ละฝ่ายมีอยู่ จนถึงเวลากลับอาจจะมีผญาอำลากันอีกครั้ง
สำหรับตัวอย่างของผญาเกี้ยวที่นำยกตัวอย่างเป็นผญาที่อยู่ในวรรณคดีท้าวคำสอน) เช่น
- เจ้าผู่จุบุหน้าพระจันทร์ เพ็งสุทธะแจ่มน้องเอย
ใผนอสิได้เข่า(เข้า)อยู่ซ้อน เทียมข้างเมื่อสินอน
- เปรียบเปรยความงามดังพระจันทร์ หนุ่มที่ไหนหนอจะได้มีวาสนาได้เป็นคู่ครองเทียมหมอน
ผญาเมื่อแบ่งแยกหมวดหมู่ออกไปตามลักษณะก็สามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภทดังนี้...
1. ผญาคำสอน
หญิงฮูปฮ้าย ครองวัตรพางาม ชายฮูบทราม วิชาพาฮุ่ง
หญิงแม้รูปชั่ว แต่จริยาวัตรทำให้งดงามได้ ชายแม้รูปทราม วิชาติดตัวก็ส่งให้เจริญรุ่งเรืองได้
ฮูปฮ้าย = รูปไม่งาม, ครองวัตร = จริยาวัตร, การกระทำ, ฮูปทราม = รูปชั่วตัวดำ, ฮุ่ง = เจริญรุ่งเรือง
บุญ บุญนี้บ่แหม่นของแบ่งได้ ปันแจกกันแหล่ว บ่อห่อนแยกออกได้ คือไม้ผ่ากลาง
2. ผญาปริศนา
คันได้ขี่ช้างแล้วอย่าดังเปิดดังเหิน อย่าได้เสิ่น ๆ หัวแหย่งสิพานพาฮ้าย
คันคากน้อยยังได้ฮบพญาแถน ยังได้ครองนครขวางนั่งเมืองเป็นเจ้า
3. ผญาภาษิตสะกิดใจ
ทังหลายเพิ่นแพงซิ้นปูปลายามอึดอยาก ความปากความเว้าบ่ได้ซื้อแพงไว้เฮ็ดอิหยัง
คนทั้งหลายเขาหวงแต่เนื้อปูปลายามอดอยาก แต่คำพูดนั้นไม่ได้ซื้อจะหวงไว้ทำไม
4. ผญาเกี้ยวพาราสีทั่วไป
ว่าแม่นเสือกินรื้อสังบ่เห็นฮอยลาก
ว่าแม่นนาคกินรื้อสังบ่เห็นฮอยแก่
หรือแม่นเงือกปากแหล้ หรือแม่นแข้ปากกว้างเอาเจ้าเข้าเวิ่นวัง
(ถ้าว่าเสือกินทำไมไม่เห็นรอยลาก ถ้าว่านาคกินทำไมไม่เห็นรอยลาก หรืออาจเป็นเงือกหรือจรเข้เอาน้องไปซ่อนไว้หนใดหนอ )
5. ผญาเกี้ยวพาราสีโต้ตอบหนุ่มสาว
ชาย) .... สุขซำบายหมั้นเสมอมันเครือเก่าบ่นอ เทิงพ่อแม่พี่น้องซำบายถ้วนอยู่สู่คนบ่เด
(หญิง) .... น้องนี้ สุขซำบายหมั้น เสมอมันเครือเก่าอยู่ดอกอ้าย เทิงพ่อแม่พี่น้องซำบาย พร้อมสู่คน
(ชาย) .... อ้ายนี่อยากถามข่าวน้ำ ถามข่าวเถิงปลา ถามข่าวนา อยากถามข่าวเถิงเข้า อ้ายอยากถามข่าวน้องว่ามีผัวแล้วหรือบ่ หรือว่ามีแต่ซู้ ผัวสิซ้อนหากบ่มี
(หญิง) .... โอนอ อ้ายเอย น้องนี้ปอดอ้อยซ้อยเสมอดั่งตองตัด พัดแต่เป็นหญิงมาบ่มี ซายสิมาเกี้ยว ผัดแต่สอนลอนขึ้นบ่มีเครือสิเกี้ยวพุ่ม พผัดแต่เป็นตุ่มไม้เครือสิเกี้ยวกะบ่มี
6. ผญาหมวดภาษิตคำเปรียบเปรยต่างๆ
แนวบักต้อง บ่ห่อนหล่นไกลกก แนวผมดกบ่ห่อนมีหัวล้าน (ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น)
เลือกผักถืกบ้ง เลือกขาจ้งถืกขามะเฮ็ง (เลือกนักมักได้แร่)
7. ผญาปัญหาภาษิต
สั้นข้อหล่อมือยื้อบ่เถิง สูงเจวเววชั่วสามวาฮี้น
อัศจรรย์ใจแข้หางยาวบ่ได้ฮองนั่ง บาดกระต่ายหางก้อมๆ สั่งมาได้นั่งฮอง
หญิงฮูปฮ้าย ครองวัตรพางาม ชายฮูบทราม วิชาพาฮุ่ง
หญิงแม้รูปชั่ว แต่จริยาวัตรทำให้งดงามได้ ชายแม้รูปทราม วิชาติดตัวก็ส่งให้เจริญรุ่งเรืองได้
ฮูปฮ้าย = รูปไม่งาม, ครองวัตร = จริยาวัตร, การกระทำ, ฮูปทราม = รูปชั่วตัวดำ, ฮุ่ง = เจริญรุ่งเรือง
บุญ บุญนี้บ่แหม่นของแบ่งได้ ปันแจกกันแหล่ว บ่อห่อนแยกออกได้ คือไม้ผ่ากลาง
2. ผญาปริศนา
คันได้ขี่ช้างแล้วอย่าดังเปิดดังเหิน อย่าได้เสิ่น ๆ หัวแหย่งสิพานพาฮ้าย
คันคากน้อยยังได้ฮบพญาแถน ยังได้ครองนครขวางนั่งเมืองเป็นเจ้า
3. ผญาภาษิตสะกิดใจ
ทังหลายเพิ่นแพงซิ้นปูปลายามอึดอยาก ความปากความเว้าบ่ได้ซื้อแพงไว้เฮ็ดอิหยัง
คนทั้งหลายเขาหวงแต่เนื้อปูปลายามอดอยาก แต่คำพูดนั้นไม่ได้ซื้อจะหวงไว้ทำไม
4. ผญาเกี้ยวพาราสีทั่วไป
ว่าแม่นเสือกินรื้อสังบ่เห็นฮอยลาก
ว่าแม่นนาคกินรื้อสังบ่เห็นฮอยแก่
หรือแม่นเงือกปากแหล้ หรือแม่นแข้ปากกว้างเอาเจ้าเข้าเวิ่นวัง
(ถ้าว่าเสือกินทำไมไม่เห็นรอยลาก ถ้าว่านาคกินทำไมไม่เห็นรอยลาก หรืออาจเป็นเงือกหรือจรเข้เอาน้องไปซ่อนไว้หนใดหนอ )
5. ผญาเกี้ยวพาราสีโต้ตอบหนุ่มสาว
ชาย) .... สุขซำบายหมั้นเสมอมันเครือเก่าบ่นอ เทิงพ่อแม่พี่น้องซำบายถ้วนอยู่สู่คนบ่เด
(หญิง) .... น้องนี้ สุขซำบายหมั้น เสมอมันเครือเก่าอยู่ดอกอ้าย เทิงพ่อแม่พี่น้องซำบาย พร้อมสู่คน
(ชาย) .... อ้ายนี่อยากถามข่าวน้ำ ถามข่าวเถิงปลา ถามข่าวนา อยากถามข่าวเถิงเข้า อ้ายอยากถามข่าวน้องว่ามีผัวแล้วหรือบ่ หรือว่ามีแต่ซู้ ผัวสิซ้อนหากบ่มี
(หญิง) .... โอนอ อ้ายเอย น้องนี้ปอดอ้อยซ้อยเสมอดั่งตองตัด พัดแต่เป็นหญิงมาบ่มี ซายสิมาเกี้ยว ผัดแต่สอนลอนขึ้นบ่มีเครือสิเกี้ยวพุ่ม พผัดแต่เป็นตุ่มไม้เครือสิเกี้ยวกะบ่มี
6. ผญาหมวดภาษิตคำเปรียบเปรยต่างๆ
แนวบักต้อง บ่ห่อนหล่นไกลกก แนวผมดกบ่ห่อนมีหัวล้าน (ลูกไม้ย่อมหล่นไม่ไกลต้น)
เลือกผักถืกบ้ง เลือกขาจ้งถืกขามะเฮ็ง (เลือกนักมักได้แร่)
7. ผญาปัญหาภาษิต
สั้นข้อหล่อมือยื้อบ่เถิง สูงเจวเววชั่วสามวาฮี้น
อัศจรรย์ใจแข้หางยาวบ่ได้ฮองนั่ง บาดกระต่ายหางก้อมๆ สั่งมาได้นั่งฮอง
ที่มา : http://konbandon.igetweb.com/articles/
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น